Tuesday, July 14, 2015

การฉีดกลูตาไธโอน

การฉีดกลูตาไธโอน 


สารอาหารที่กำลังได้รับความนิยมที่กล่าวถึงคือ กลูตาไธโอน(Glutathione) ปัจจุบันเริ่มมีโรงพยาบาลและคลินิคชั้นนำหลายแห่งนำมาใช้ฉีดเป็นสารอาหารให้กับร่างกาย
ตามธรรมชาติ ร่างกายสามารถสร้าง กลูตาไธโอน นี้ได้อยู่แล้ว พบมากบริเวณตับ แต่เมื่อายุมากขึ้นจะสร้างได้น้อยลงตามลำดับ

สารอาหาร กลูตาไธโอน นี้มีคุณประโยชน์มากมายออกฤทธิ์ในระดับเซลล์ ทำให้เกิดพลังงาน เกิดความกระชุ่มกระชวย อ่อนเยาว์ ทั้งยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ในร่างกาย
คอยกำจัดอนุมูลอิสระ (Free radicals) ตัวร้ายที่ทำให้เซลล์ร่างกายเสื่อมสภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่เรามักไม่ได้รับจากการรับประทานอาหารตามธรรมชาติหรือจากอาหารเสริมสักเท่าไหร่ เพราะว่าถูกทำลายได้ง่ายบริเวณลำไส้

สาร กลูตาไธโอน นี้มีประโยชน์มากมายโดยใช้ป้องกันความเสื่อมของร่างกาย เพิ่มระบบภูมิต้านทาน และการนำของระบบภายในร่างกาย

ในด้านผิวพรรณยังออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่มากเกินไปทั่วร่างกาย จึงทำให้คนที่ได้รับสารอาหารชนิดนี้มีผิวพรรณที่ผุดผ่อง ขาวใส หรือดูมีสุขภาพผิวที่ดีกว่าคนทั่วไป
 
ฉีดกันอย่างไรค่ะ มีข้อแทรกซ้อนอะไรบ้าง และฉีดได้บ่อยแค่ไหนกลูตาไธโอน
 
สามารถฉีดได้สอง วิธี คือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และเข้าทางเส้นเลือด ขนาดที่ได้ผลดี คือ 600 มิลลิกรัมต่อสัปดาห์ แต่การฉีดทางกล้ามเนื้อค่อนข้างปวดและเห็นผลได้ช้ากว่า เพราะสารอาหารจะค่อยๆออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย

ในขณะที่การฉีดเข้าทางหลอดเลือด จะเห็นผลได้ชัดเจนกว่า เพราะสามารถออกฤทธ์ได้ทันทีทั่วร่างกาย มักฉีดร่วมกับวิตามินซีเข้าทางเส้นเลือดช้าๆประมาณ 10-15 นาที จะทำให้ระดับวิตามินซีออกฤทธิ์ในร่างกายได้ดีขึ้น

โดยสารอาหารทั้งสองชนิด (กลูตาไธโอน+วิตามินซี) จะทำงานเสริมฤทธิ์กันในด้านผิวพรรณ จึงทำให้ผิวสดใส ป้องกันความเสื่อม และทนต่อแสงแดดได้ดีขึ้น
ปัจจุบันยังไม่พบว่ามีข้อแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย เพราะล้วนเป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ไม่ใช่ยาหรือสารแปลกปลอม แต่ต้องฉีดโดยแพทย์หรือพยาบาลที่มีประสบการณ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยไม่ควรฉีดในรายที่มีปัญหาโรคลมชัก เบาหวาน โรคเลือด สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร


สามารถฉีดได้สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันประมาณ 3-5 สัปดาห์ แล้วเว้นระยะห่างออกไปตามความเหมาะสม โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก เช่นผิวดูสดใส ร่างกายกระชุ่มกระชวย แผลหายได้เร็วขึ้น แต่อาจไม่ชัดเจน โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในครั้งที่ 3-4
ทั้งนี้ขึ้นกับการตอบสนองของแต่ละคนและตัวอนุมูลอิสระที่มีอยู่เดิมในร่างกายที่แตกต่างกัน คล้ายๆกับการล้างพิษ หากพิษมากหรือมีความเสื่อมมากก็ต้องใช้สารอาหารหรือตัวต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น
เมื่อสภาพร่างกายได้รับการฟื้นฟูผิวสดใสจนเป็นที่พอใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องฉีดเป็นกระจำ สามารถฉีดได้เป็นครั้งคราว เสมือนนักกีฬาที่อ่อนล้าก็ฉีดวิตามินบำรุงร่างกายสักหน่อย พบว่าหลังฉีด กลูตาไธโอน และ วิตามินซีเข้าไปในร่างกายจะอยู่ได้นาน 2 เดือนโดยประมาณ แล้วค่อยๆลดระดับลงเรื่อยๆจนหมดไป

No comments :

Post a Comment