Friday, July 10, 2015

ศัลยกรรม ทำอย่างไรให้ตรงใจ

ศัลยกรรมตกแต่ง แพทย์เสริมความงาม

ศัลยกรรมตกแต่ง

หมอผ่าตัดเสริมความงาม



บางท่านเคยตั้งคำถามให้กับตัวเองบ้างหรือไม่ว่า แพทย์ที่กำลังทำศัลยกรรมให้กับท่านเป็นแพทย์เฉพาะทางหรือไม่ และได้ร่ำเรียนมาทางศัลยกรรมตกแต่งหรือเปล่า หรือคิดว่าไม่จำเป็น ขอให้เป็นคุณหมอก็พอแล้ว ?


ถ้าความคิดเบื้องต้นของท่านถูกต้อง ทางแพทย์สภาก็คงไม่ต้องผลิตแพทย์เฉพาะทางขึ้นมา ขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้ เช่น แพทย์อายุรกรรม แพทย์ที่ต้องรักษาด้วยยา ยังจะต้องมีสามขาแพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติม แยกย่อยออกมาหลาย ๆสาขา เช่น แพทย์ทางเดินอาหาร แพทย์ระบบหัวใจและความดัน แพทย์ระบบทางเดินหายใจ


ซึ่งถ้าเป็นแพทย์ทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และเป็นแพทย์ที่รักษาโดยการผ่าตัด ก็ยิ่งจะต้องมีความจำเป็นเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากว่าการผ่าตัดนั้นอาจจะมีอันตรายได้ นับตั้งแต่การเริ่มฉีดยาชา ก็สามารถทำให้ถึงแกชีวิตได้ ดังนั้นการศึกษาต่อทางด้านศัลยกรรมและศัลยกรรมตกแต่ง จึงต้องใช้เวลาเรียนอย่างน้อย 5-6 ปีขึ้นไป ซึ่งจะนานกว่าสาขาอื่น ๆ


นอกจากนั้นยังจำกัดปริมาณการผลิตแพทย์ด้วยเพียงปีละ 10-15 ท่านเท่านั้นเอง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปัจจุบันนี้ แพทย์ทางด้ายศัลยกรรมตกแต่งทั่วประเทศ จะมีประมาณเพียง 200-250 ท่านเท่านั้น

การผ่าตัดทางศัลยกรรม


ปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นและได้การยอมรับกันมาก ทำให้มีแพทย์หลายท่านที่ไม่ได้จบมาเฉพาะทาง เห็นช่องทางในการหารายได้เพิ่มเติม จากสาขาวิชาชีพที่เรียนมา ได้ทำการเช่าสถานที่หรือคลีนิคทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งอาจจะเปิดเป็นประเภทคลีนิคผิวหนังหรือคลีนิคลดความอ้วน เพื่อจะได้รองรับผู้ป่วยทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆในปัจจุบันนี้ หรือแม้แต่การจัดตั้งสมาคม หรือรวมตัวกันก่อตั้งขึ้นมา เพื่อทำการผ่าตัดเสริมความงาม และก็มีอยู่หลายสมาคมที่ผู้ก่อตั้งสมาคมและสมาชิก เป็นแพทย์คนเดียวกันและมีอยู่ท่านเดียว


ส่วนใหญ่แพทย์ที่ไม่ได้จบมาทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง จะอาศัยความรู้ที่ได้จากอินเตอร์เนทบ้าง หรือก็ไม่ไปหาซื้อหนังสืออ่านเพิ่มเติม บางทีก็เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเพียงการยืนดู แต่จะไม่ได้ลงมือปฎิบัติจริง ๆ เนื่องจากที่ต่างประเทศเขาจะมีกฎหมายห้าม มิให้แพทย์ที่ไม่ได้ใบอนุญาติของประเทศนั้น ๆทำการผ่าตัดรักษาได้ ดังนั้นแม้ว่าจะได้ใบประกาศณียบัตรกลับมา แต่ก็ไม่ได้เคยทำการผ่าตัดจริง และได้นำมาทดลองผ่าตัดกับผู้ป่วยในประเทศแทน

สถานบริการและแพทย์


ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าย่อมไม่ยุติธรรมกับผู้ป่วยแน่นอน ที่ตนเองมีความตั้งใจที่จะเข้ารับการผ่าตัด ให้ตนเองดูดีและสวยขึ้นกว่าเดิม แต่กลับมาเป็นหนูทดลองให้ แม้ว่าแพทย์หลายท่าน ไม่ใช่แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง แต่ได้ทำการผ่าตัดกับผู้ป่วยที่เป็นหนูทดลองเหล่านั้น


ซึ่งอาจเป็นเวลาหลายปี จนแพทย์ท่านนั้นเกิดความชำนาญเฉพาะทางด้านการผ่าตัดขึ้นมา ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้แพทย์รุ่นใหม่ ๆทำการลอกเลียนแบบ แนวทางของแพทย์ท่านนั้น ทำให้เปิดคลีนิคศัลยกรรมความงามใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย และยังได้โฆษณาชวนเชื่อ พร้อมทั้งเชื้อเชิญสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางอินเตอร์เนท ให้คนไข้ของตนเองไปโพสรูปและข้อความลงตามเว็บบอร์ดทั่วไป รวมทั้งโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ซึ่งทำให้หลงเชื่อและกลายเป็นหนูทดลองโดยไม่ทราบมาก่อน


แม้ว่าแพทย์ที่จบมาเฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง หรือไม่ได้จบมาทางด้านศัลยกรรมตกแต่งก็ตาม ซึ่งหลังทำการผ่าตัดอาจจะเกิดปัญหา หรืออาการแทรกซ้อนกับผู้ป่วยหลังทำนั้น ส่วนมากแล้วผู้ป่วยมักจะไม่กลับไปหาแพทย์คนแรกที่ทำการผ่าตัดให้ คนไข้จะกลับไปหาแพทย์ท่านอื่น ให้ทำการผ่าตัดแก้ไขให้ จึงทำให้เป็นสาเหตุที่ไม่สามารถบอกได้ว่า แพทย์ท่านไหนผ่าตัดแล้ว ก่อให้เกิดปัญหามากกว่ากันได้ แต่ที่สามารถบอกได้อย่างแน่นอนก็คือ


แพทย์ที่ร่ำเรียนและจบมาเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ย่อมมีความรู้ความสามารถเป็นที่ยอมรับได้ระดับหนึ่ง เพราะทางสมาคมศัลยกรรมตกแต่ง ในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งประเทศไทย ก็ได้ทำการคัดเลือกและคัดกรองแพทย์เฉพาะทางเหล่านั้น ว่าเป็นแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอ ที่จะประกอบวิชาชีพศัลยกรรมตกแต่งได้

ค้นคว้าหาข้อมูลเบื้องต้น


ก่อนที่หลายท่านจะตัดสินใจทำหรือยินยอมที่จะเข้ารับการผ่าตัด แม้กระทั่งยินยอมให้ใครก็ตาม ได้ทำการผ่าตัดใบหน้าหรือร่างกายของท่าน ทุกคนสามารถที่จะตรวจสอบรายชื่อของแพทย์ท่านนั้นก่อนว่า แพทย์ที่จะทำการผ่าตัดได้เป็นสมาชิกของสมาคมศัลยกรรมตกแต่งแห่งประเทศไทยหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของสมาคม และก็ใส่ชื่อของแพทย์ของท่านที่ต้องการทราบ เพียงเท่านี้ท่านก็จะได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นได้


จากบทความที่เขียนมาข้างต้น ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลที่ประโยชน์กับผู้ป่วยเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ทราบและสามารถเลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความสามารถจริง ๆมาทำการผ่าตัดให้ตนเอง พร้อมทั้งเพื่อลดการเกิดปัญหาหลังผ่าตัด และการผ่าตัดที่ไม่ได้มาตราฐานลง


สำหรับคนทั่วไปโดยเฉพาะคุณผู้หญิง เรื่องความสวยความงามแม้จะไม่ใช่สิ่งที่สำคุญมากในชีวิต แต่ในบางรายอาจคิดว่าการทำศัลยกรรมจะเปลี่ยนชีวิตและอนาคตได้ เช่น สาวๆที่มีอาชีพเป็นพรีเซ็นเตอร์ กลุ่มคนที่ทำงานพริตตี้ งานอาชีพประสัมพันธ์ หรือแม้แต่วงการประกวดสาวงามก็ตาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนที่ไม่อยู่ในอาชีพการงานดังกล่าวข้างต้น จะหันมาสนใจในเรื่องการศัลยกกรรมในกับตัวเองกันมากขึ้น

การศัลยกรรมที่คนนึกถึง


สิ่งนั้นก็คือการทำจมูก การเสริมขนาดหน้าอก การตกแต่งรูปหน้าใหม่ เช่น การทำคางให้ดูเรียว และการลดเหลี่ยมไปหน้าด้วยการลดกราม โดยเฉพาะการทำจมูกที่หลายคนอยากได้จมูกในสไตล์เกาหลี ซึ่งบางคนถึงกับได้นำรูปดาราที่มีชื่อเสียง มาให้คุณหมอศัลยกรรมได้ดูเป็นตัวอย่างก่อน


ดังนั้นใครก็ตามที่คิดจะทำศัลยกรรม สิ่งแรกที่ต้องไม่ควรลืมคือเรื่องภาระค่าใช้จ่าย บางคนจำเป็นต้องใช้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง โดยเฉพาะที่มีอายุยังไม่ถึง 18 ปี ซึ่งยกตัวอย่างจากอัตราค่าเฉลี่ยในการทำศัลยกรรมจมูก จะอยู่ที่ประมาณ 9000-30000 บาท เป็นต้น

ปรึกษาคุณหมอก่อนทำ


ในการทำศัลยกรรมทุกประเภท สิ่งแรกที่คนไข้หลายคนอยากจะทำคือ การได้เข้าไปพูดคุยกับแพทย์ก่อนการรักษา แต่ปัญหามักจะพบได้บ่อยคือ ไม่รู้ว่าจะเริ่มปรึกษาอย่างไร บางคนมีอาการตื่นเต้น สิ่งที่เตรียมไว้ก็ลืมไปหมดที่จะนำมาพูดคุย และหากทำศัลยกรรมกับแพทย์ที่มีคนสนใจทำมากๆ ระยะเวลาในการพูดคุยก็จะน้องลงไปด้วย ดังนั้นเราจึงมาควรทราบว่า จะเตรียมตัวอย่างไรดีก่อนที่จะเข้าพบคุณหมอผ่าตัด


1.เตรียมคำถามให้ชัดเจนเข้าใจง่าย หากกลัวว่าจะลืมก็แนะนำให้จดคำถามใส่กระดาษเข้าไปด้วย ว่าเราต้องการจะถามคุณหมอในเรื่องใดบ้าง 2.ค้นหาความต้องการของตนเองให้พบ ว่าต้องการทำศัลยกรรมเพื่ออะไร และต้องการแก้ไขข้อบกพร่องของตนเองในเรื่องไหน 3.เตรียมรูปต้นแบบที่เราชอบ ติดตัวไปด้วย เนื่องจากการทำศัลยกรรมตกแต่ง จะขึ้นอยู่กับการออกแบบของแพทย์แต่ละท่าน บางคนชอบสไตล์เกาหลี เพื่อเป็นแนวทางว่าจะสามารถทำให้ได้มากน้อยแค่ไหน 4.ค้นหาข้อมูลในเรื่องที่ตนเองจะทำ โดยอาจจะทราบมาบ้างในเบื้องต้นของเรื่องที่จะทำ เพื่อเวลาพูดคุยจะทำให้มีความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และควรรับฟังคำแนะนำของแพทย์ด้วยเหตุและผลไปพร้อมกัน

No comments :

Post a Comment