Wednesday, October 14, 2015

เทคนิคการเลือกขนาดหน้าอกให้เหมาะกับรูปร่างก่อนเสริมหน้าอก

เทคนิคการเลือกขนาดหน้าอกให้เหมาะกับรูปร่างก่อนเสริม

แนวโน้มในการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน นอกจากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ในเรื่องของขนาดก็ยังต้องเสริมให้มีขนาดใหญ่มากขึ้นด้วย สมัยก่อนขนาดหน้าอกที่นิยมเสริมจะอยู่ที่ไม่เกิน 300 ซีซี แต่ปัจจุบันโดยส่วนใหญ่มักต้องการเสริมมขนาดตั้งแต่ 300 ซีซีขึ้นไป แต่ด้วยความที่รูปร่างลักษณะของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้น การเสริมหน้าอกให้มีขนาดที่ต้องการอาจมีข้อจำกัดที่ไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีรูปร่างผอมบาง ตัวเล็ก ไม่มีเนื้อนมไขมันบริเวณหน้าอกมีน้อย และเพศที่สามที่นอกจากจะมีเนื้อน้อยแล้ว ยังมีอุปสรรคในเรื่องของสรีระเพศชาย ที่มีโครงสร้างกระดูกใหญ่ กล้ามเนื้อบึกบึน ซึ่งทั้งสองกรณีต้องอาศัยเทคนิคพิเศษและความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการผ่าตัดเสริม เพื่อให้หน้าอกคู่นั้นออกมาดูแลสวยงาม เหมาะสม และดูเป็นธรรมชาติ รับกับสัดส่วนของร่างกายทั้งหมดได้ดีมากขึ้น

ขนาดของหน้าอกที่เหมาะสมเป็นอย่างไร

คงไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า ขนาดเต้านมที่เหมาะสมเป็นอย่างไร ขึ้นกับความชอบส่วนตัว ค่านิยม อาชีพ และคนรอบข้าง อย่างเช่น นางแบบที่เดินแฟชั่นโชว์จะไม่ชอบเต้านมใหญ่ เพราะจะดูอ้วนและไม่เข้ากับเสื้อผ้าของดีไซน์เนอร์ แต่กลุ่มที่ต้องใส่เสื้อผ้าเกาะอกอาจชอบขนาดเต้านมที่ใหญ่กว่า เพราะดูเนินอกเต็ม เป็นต้น แต่ที่แน่ๆ ขนาดที่เหมาะสมคือขนาดที่ไม่ทำให้เกิดปัญหากับเจ้าของเต้านม ไม่ใหญ่จนมีปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ปวดต้นคอ ปวดหลัง หรือเกิดผื่นเชื้อราใต้ราวนม เคยมีการศึกษาสอบถามความชอบของขนาดเต้านม เมื่อให้ดูรูปภาพหลายๆ ภาพ พบว่าผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงที่มีขนาดของเต้านมประมาณคัพ B+ ถึง C (สังเกตว่าผู้ชายส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ชอบเต้านมที่มีขนาดใหญ่มากๆ เช่นกัน อาจดูน่ากลัวหรือแม่วัวจนเกินไปก็เป็นได้) สำหรับขนาดเต้านมที่นิยมมีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย การเสริมเต้านมในปัจจุบันต้องยอมรับว่าความต้องการซิลิโคนนั้น มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อก่อนนิยมใส่ขนาด 150-250 ซีซี แต่ในปัจจุบันนิยมประมาณ 300 ซีซีขึ้นไป ทั้งนี้ ขึ้นกับขนาดตัวของผู้ที่ต้องการเสริมด้วย


ปัญหาการเสริมหน้าอกในผู้หญิงรูปร่างผอมบางและเพศที่สามคืออะไร

ปัญหาของคนสองกลุ่มคือ ผู้หญิงตัวเล็ก ผอมบางและเพศที่สาม มีปัญหาที่แตกต่างกันและมีปัญหาที่คล้ายกันอยู่บางประเด็นคือ

(1) ปัญหาความกว้างของหน้าอก โดยสรีระของผู้หญิงตัวเล็กจะมีความกว้างของผนังหน้าอกที่แคบ ส่วนเพศที่สามจะมีผนังหน้าอกที่กว้างกว่า ถึงแม้จะเป็นคนที่ตัวเล็กเมื่อเทียบกับเพศชายด้วยกัน แต่ก็มักจะมีความสูงกว่าและผนังหน้าอกกว้างกว่าเพศหญิงที่ตัวเล็ก ซึ่งความกว้างของผนังหน้าอกนี้จะเป็นตัวกำหนดขนาดสูงสุดของฐานซิลิโคนที่จะใส่ได้


(2) ปัญหาเนื้อเต้านมน้อย ส่วนที่คล้ายกันของคนที่ผอมบางและเพศที่สามคือความบางของส่วนที่อยู่เหนือซิลิโคน ในหญิงตัวเล็กที่มีเนื้อเต้านมน้อยร่วมกับผิวหนังและกล้ามเนื้อที่บาง ก็จะมีส่วนที่อยู่เหนือซิลิโนบาง ส่วนในเพศที่สามแม้ผิวและกล้ามเนื้อจะหนากว่าบ้าง แต่ไม่มีเนื้อเต้านมหรือมีจากการทานฮอร์โมน ซึ่งเนื้อเต้านมอาจหายไปหลังจากหยุดทานฮอร์โมน ทั้งหมดนี้ทำให้หลังจากการเสริมเต้านมมีส่วนที่อยู่เหนือซิลิโคนน้อย ซึ่งจะทำให้สามารถเห็นขอบหรือเป็นรอยริ้วๆ จากภายนอกได้หลังทำผ่าตัดไปแล้วระยะหนึ่ง


(3) ปัญหาการเลือกแผลผ่าตัด อันนี้เป็นปัญหาของเพศที่สามที่มักพบปานนมมีขนาดเล็ก ทำให้บางครั้งไม่สามารถใส่ซิลิโคนผ่านทางปานนมได้

ปัญหาที่เกิดจากการเสริมหน้าอกขนาดใหญ่เกินไป

หลักการสำคัญในการเสริมหน้าอก คือ การกำหนดขนาดของซิลิโคนให้พอเหมาะกับเส้นผ่าศูนย์กลางของหน้าอกแต่ละข้าง หรือเรียกว่าความกว้างของฐานหน้าอก (Breast width) ซึ่งถ้าหากว่าแพทย์ใส่อยู่ในมาตรฐานนี้แล้ว ก็จะทำให้หน้าอกนี้เสริมออกมาแลดูไม่ผิดสัดส่วน แต่ในกรณีบางคนมีความจำเป็นหรือมีความต้องการที่จะใส่ให้มีขนาดใหญ่กว่าที่ควรจะเป็นมากเกินไป อาจพบปัญหาได้คือ ซิลิโคนล้นออกมาทางด้านข้างมากขึ้น เพราะไม่สามารถขยับดันเข้าไปด้านในได้ เนื่องจากติดกล้ามเนื้อ ส่งผลทำให้ผิวหนังด้านข้างตึงขึ้น ผิวหนังที่บางอยู่แล้วมีลักษณะบางมากขึ้นไปอีก และเห็นขอบซิลิโคนได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อปล่อยไว้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดรอยย่นที่มีลักษณะคล้ายกระดาษพับ (Ripping breast) บริเวณขอบซิลิโคน หรืออาจทำให้มองเห็นซิลิโคนเป็นสองลอนหรือสองเต้า (Double Bubble) ดังนั้น เทคนิคในการเสริมจึงเป็นปัจจัยสำคัญ รวมทั้งชนิดของซิลิโคนที่เหมาะกับคนผอมบางไม่มีเนื้อนมด้วย


ลองไซส์ที่ชอบและเตรียวตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด

เสริมหน้าอกให้ดูแล้วสวยงาม ต้องเตรียมตั้งแต่ก่อนผ่าตัด โดยการปรึกษากับแพทย์ผู้ที่จะทำผ่าตัดให้ โดยจะมีการตรวจร่างกาย วัดคาวมกว้างของผนังหน้าอก และให้ลองใส่ซิลโคนใต้เสื้อดูว่าขนาดไหนเป็นขนาดที่ชอบและสวยที่สุด ขนาดความกว้างของหน้าอกจะเป็นตัวกำหนดฐานของซิลิโคน ส่วนจะต้องการใหญ่มากหรือน้อย ทรงของซิลิโคนจะช่วยให้ใส่ได้ใหญ่ขึ้น โดยเลือกทรงที่สูงขึ้น เช่น ความกว้างของผนังหน้าอก 12 เซนติเมตร จะใส่ซิลิโคนทรงต่ำ (Low profile) ได้ 250 ซีซี แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นทรงสูง (High profile) จะใส่ได้ถึง 375 ซีซี ขนาดของเต้านมก็จะใหญ่ขึ้นประมาณ 1 ถึง 2 คัพ ตามลำดับ คนที่ผอมบางไม่ค่อยแนะนำให้ใส่ใหญ่มาก เพราะนอกจากจะไม่เหมาะกับสรีระอันจะมีผลทำให้ปวดหลังได้แล้ว ยังจะเห็นขอบและรอยย่นของซิลิโคนภายหลังได้ง่าย บางครั้งหมอจะใช้ไขมันจากต้นขาหรือพุงมาเสริมเนื้อด้านบนให้ดูหนาขึ้น เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว อาจเติมไขมันก่อนเสริมหรือทำภายหลังเพื่อแก้ปัญหาก็ได้ ในต่างประเทศนิยมแก้ด้วยการใช้หนังเทียมหุ้มรอบซิลิโคนเพื่อแก้ไข แต่ราคายังค่อนข้างแพงจึงไม่เป็นที่แพร่หลายในบ้านเรา สำหรับเพศที่สามแนะนำเป็นทรงสูงหน่อย เช่น Moderate plus หรือ High profile เพราะถ้าใส่ทรงต่ำจะดูไม่ขึ้นเต้า

อกสวยเป็นธรรมชาติด้วยการเสริมใต้กล้ามเนื้อและใต้ผิวหนัง

วิธีการเสริมหน้าอกแบ่งออกเป็น 2 วิธีใหญ่ๆ คือ การเสริมเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อ โดยส่วนใหญ่มักจะเสริมใต้กล้ามเนื้อส่วนการเสริมเหนือกล้ามเนื้อ จะทำก็ต่อเมื่อคนไข้มีหน้าอกที่หย่อนคล้อยมากๆ และมีเนื้อหน้าอกค่อนข้างเยอะ เพราอาจทำให้เกิดปัญหาคลำได้ขอบซิลิโคนชัดเจน สำหรับเทคนิคเสริมใต้กล้ามเนื้อและใต้ผิวหนังนี้ เรียกว่า Dual plane เป็นการผ่าตัดเสริมซิลิโคนเข้าไปใต้กล้ามเนื้อและใต้ผิวหนังด้านข้าง ทำให้ขณะเคลื่อนไหวในอิริยาบถต่างๆ เช่น ยกแขนจะมมีปัญหาเรื่องดันเต้าขึ้น หากเป็นการเสริมใต้กล้าเนื้อเพียงยกแขน จะไม่มีปัญหาเรื่องดันเต้าขึ้น หากเป็นการเสริมใต้กล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียวเวลายกแขนจะมีการดึงเต้าขึ้น ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดังนั้น การใช้เทคนิค Dual plane ซึ่งเป็นการเสริมใต้กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งและเสริมใต้เนื้อเยื่อผิวหนังส่วนหนึ่ง จึงทำให้หน้าอกแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยชนิดและรูปทรงของซิลิโคนที่เหมาะสมในแต่ละคน ก็อาจจะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นในคนที่รูปร่างเล็ก ฐานตัวแคบ อาจจะต้องเลือกซิลิโคนชนิด High profile จะเป็นทรงกลมหรือทรงหยดน้ำก็ได้ แต่เลือกที่เป็นทรงสูงและมีฐานแคบ ก็จะทำให้หน้าอกไม่ล้นออกด้านข้างมากเกินไป แต่ในเพศที่สามที่มีฐานตัวกว้าง บางคนอาจต้องเสริมด้วยทรงกลมที่มีฐานกว้าง หรือชนิด Low profile ซึ่งมีลักษระแบนคล้ายจาน เพื่อไม่ให้หน้าอกดูห่างมากจนเกินไป แต่การเสริมหน้าอกในคนที่ไม่มีเนื้อหน้าอกเลย การใส่ใต้กล้ามเนื้อก็มีข้อจำกัดในเรื่องขนาดเช่นกัน เนื่องจากมีพื้นที่แคบลง แต่สามารถปรับแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการเลือกรูปทรงที่จะใช้เสริมแทน โดยจะเป็นการเสริมด้วยทรงหยดน้ำแทนทรงกลม เพราะทรงหยดน้ำจะมีฐานที่แคบ แต่ส่วนของถุงจะมีลักษณะพุ่งออกไปด้านหน้ามากกว่า จึงทำให้หน้าอกแลดูมีขนาดใหญ่มากขึ้นได้


อกชิดเป็นร่องด้วยการวัดขนาดและเลือกซิลิโคนที่เหมาะสม

การวัดขนาดหน้าอกก่อนทำการผ่าตัดนับว่าเป็นเทคนิคสำคัญในการเสริมหน้าอกที่จะทำให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น โดยการเลือกซิลิโคนขนาดที่เหมาะสมในแต่ละคน ต้องวัดความกว้างของฐานตัว ฐานหน้าอกความสูงของหัวนม ขนาดเนื้อที่มีอยู่เดิม ขนาดของกล้ามเนื้อ รวมทั้งเสริมซิลิโคนขนาดใหญ่กว่าปกติ เพราะถ้าเสริมในขนาดเท่ากับคนทั่วไป อาจมองไม่เห็นความแตกต่าง การเลือกวัสดุที่ใช้เสริมซึ่งก็คือซิลิโคนเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่สำคัญ โดยส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงร่างเล็กหรือเพศที่สามต่างก็อยากได้หน้าอกชิด ซึ่งการที่จะมีหน้าอกชิดหรือไม่ชิด ขึ้นอยู่กับการเลือกซิลิโคนให้เหมาะสมและการเลาะโพรง


สำหรับซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ชนิดแรกเรียกว่า ซาไลน์ ฟิลล์ด ((Saline-Filled) ในถุงซิลิโคนบรรจุด้วยน้ำเกลือนั้น มีข้อดีคือเปิดแผลผ่าตัดไม่กว้าง เพราะการใส่ถุงน้ำเกลือเข้าไป จะสามารถพับให้มีขนาดเล็กได้ แล้วทำการฉีดน้ำเกลือเข้าไปภายหลัง เพื่อเพิ่มขนาดตามที่ต้องการ ดังนั้น จึงทำให้แผลผ่าตัดเล็ก มองไม่เห็นรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด แต่ปัจจุบันในเมืองไทยใช้กันค่อนข้างน้อย สาเหตุเพราะความเป็นธรรมชาติมีน้อยกว่า เนื่องจากถุงน้ำเกลือค่อนข้างแข็งและกลม ลักษระรูปทรงไม่ค่อยสวย และน้ำเกลือสามารถรั่วซึมออกมาได้บริเวณวาล์วที่ใส่น้ำเกลือเข้าไป และหากมีลมอยู่ด้านในถุงน้ำเกลือเวลาเดินอาจได้ยินเสียงน้ำกระฉอกได้


สำหรับซิลิโคนชนิดที่สองที่ด้านในบรรจุด้วยซิลิโคนเจลนั้น ได้ถูกพัฒนาคุณภาพไปมาก โดยสามารถแบ่งระดับความคงตัวของซิลิโคนออกเป็น 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งมีผลต่อการเสริมหน้าอกให้ออกมาสวยงาม โดยระดับที่ 3 จะมีความคงตัวสูงที่สุด ทำให้ยึดติดได้ดี มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง หากถุงซิลิโคนแตกเนื้อซิลิโคนเจลจะไม่ไหลซึมออกมาเมหือนกับซิลิโคนเหลวในสมัยก่อน การเกิดแคปซูลจึงจะลดน้อยลง ส่วนลักษะของผิวจะมีผิวเรียบกับผิวทราย มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แต่โดยส่วนใหญ่มักจะใช้ผิวทราย ซึ่งพังผืดเกาะได้น้อยกว่า และลักษณะของผิวทรายก็ถูกพัฒนามากยิ่งขึ้นไปอีก จากเดิมเป็นผิวทรายที่มีความละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อลดการเกาะของพังผืด นับว่าซิลิโคนเจลที่ใช้ในยุคปัจจุบันค่อนข้างปลอดภัยและมีคุณภาพ รวมทั้งให้ความเป็นธรรมชาติทั้งการมองและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติเมื่อสัมผัส


เข้าใจกระบวนการผ่าตัดและการปฏิบัติตัวหลังเสริม

นอกจากเทคนิคดังที่กล่าวมาแล้ว คนไข้จะต้องมีความเข้าใจในกระบวนการผ่าตัดเสริมหน้าอก ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด ขั้นตอนการผ่าตัด และการดูแลแผลหลังผ่าตัด เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การเสริมหน้าอกในครั้งนั้นประสบความสำเร็จ โดยก่อนการผ่าตัดคนไข้จะต้องงดน้ำ งดอาหาร อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เมื่อเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดแพทย์จะทำการวาดตำแหน่งที่จะทำการผ่าตัด ฉีดยาชา เปิดแผลผ่าตัดตามตำแหน่งที่ตกลงกันไว้ โดยทั่วไปแผลผ่าตัดมี 4 ตำแหน่ง คือ รักแร้ ขอบล่างปานนม ใต้ฐานนม และราวนม จากนั้นจึงเลาะโพรงสำหรับใส่ซิลิโคนแล้วใส่ซิลิโคนเข้าไปใต้กล้ามเนื้อ เช็คตำแหน่งของซิลิโคนให้เท่ากันทั้งสองข้าง ใส่สายระบายแล้วเย็บปิด เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จจะมีการพันผ้ากระชับเต้านมไว้ คนไข้อาจมีอาการปวดแผล เลือดออก ติดเชื้อ มีอาการชา เจ็บ หรือเสี่ยวที่หัวนม ซึ่งหากพบอาการผิดปกติให้กลับมาพบแพทย์ หลังผ่าตัดคนไข้ควรดูแลตัวเองด้วยการงดกิจกรรมหรือออกกำลังกายหนักๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ แพทย์อาจแนะนำให้นวดคลึงเบาๆ บริเวณรอบเต้านมเพื่อเป็นการขยับโพรงของพังผืดที่จะมายึดเกาะซิลิโคน ทำให้เต้านมแข็ง เบี้ยว และเจ็บได้ ในระยะ 2 เดือน แรกควรใส่เสื้อกล้าม จากนั้นใส่ชุดชั้นในแบบไม่มีโครง และสามารถใส่ชุดชั้นในที่มีโครงได้หลังผ่าตัด 6 เดือนขึ้นไป โดยทั่วไปซิลิโคนจะเริ่มเข้าที่และทิ้งตัวดูเป็นธรรมชาติหลังผ่าตัดประมาณ 1 เดือนขึ้นไป และแผลผ่าตัดยุบเข้าที่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์หลังผ่าตัด 3 เดือนขึ้นไป

No comments :

Post a Comment